วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประเทศเวียดนาม




ประเทศเวียดนามมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้างนะ
ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม(Ho Hoan Kiem หรือ ทะเลสาบคืนดาบ)
            ที่ตั้ง : ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่าฮานอย  ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าครั้งอดีตพระเจ้าเลไทโต (Le Thai Yo) ได้นำดาบวิเศษซึ่งนำมาต่อสู้กับพวกหมิงจนสามารถปลดปล่อยประเทศให้อิสระแล้ว พระองค์ทรงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวกันว่าเต่าได้ขึ้นมาฉกดาบไปจักพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วหายไปในทะเลสาบ อันเป็นเหตุให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่า ทะเลสาบคืนดาบ
            หากมองไปกลางทะเลสาบจะเห็นเจดีย์โบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า ทาพรัว (Thap Rua) ซึ่งหมายถึง หอคอยเต่าและในปัจจุบันยังมีหลายคนบอกว่าเห็นเต่าขนาดใหญ่อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูกาล


วัดหง็อกเซิน ( Ngoc Son หรือ วัดเนินหยก)
           ที่ตั้ง : อยู่ริมทะเลสาบบนเกาะหยก ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ สามารถข้ามจากฝั่งไปยังวัดโดยข้ามสะพานเทฮุก (The Huc) หรือสะพานแสงอาทิตย์ มีสีแดงสดใสถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกรุงฮานอย นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันเสอมเมื่อถึงวัดหว็อกเซิน ด้านในมีบรรยากาศร่มรื่นและมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน




เมืองซาปา ประเทศเวียดนาม
          ซาปา เมืองบนเทือกกเขาใน จ. ลาวไก  ภาคเหนือประเทศเวียดนาม ใกล้กลับพรมแดนประเทศจีน ซาปาได้เป็นปลายทางยอดนิยมของเหล่าของนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานานหลายปี   ด้วยเป็นสถานที่เดิมไปด้วยชนกลุ่มน้อยที่แต่งกายด้วยเสื้อยืดหลากหลายสีสันทิวทัศน์อันสวยงามของหุบเขา  การทำนาแบบขั้นบันไดทำให้มีภูมิทัศน์สวยงามแก่การท่องเที่ยว  เดิมซาปาเป็นเมืองตากอากาศของเจ้านายชั้นสูงชาวฝรั่งเศส ที่มาทำงานในเวียดนาม จึงมีสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนและการวางแผนผังเมืองแบบเฟรนซ์โคโลเนียลมีจุดเด่นที่ตั้งอยู่กลางเมืองคือ โบสถ์คาทอลิก


อ่าวฮาลอง
           เนื่องจากประเทศเวียดนามมีลักษณะภูมิประเทศเป็นแบบคาบสมุทร ซึ่งมีระยะทางจากภาคเหนือจรดภาคใต้ที่ยาวมาก และมีระดับความสูงต่ำของพื้นที่ที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ เวียดนาม มีสภาพอากาศที่หลากหลาย โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยราว 22 องศาเซลเซียส ลักษณะภูมิอากาศของประเทศ อาจแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้


ทะเลสาบเมืองดานัง
           Vinh Hoi Bay Resort ตั้งอยู่ในจังหวัดบิ่ญดิ่ญ ซึ่งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตอนกลางของเวียดนาม ระหว่าง ดานัง และ นาตรัง ในศตวรรษที่ 11 จังหวัดนี้อยู่ในการปกครองของราชอาณาจักรจัมปา ซึ่งวัฒนธรรมของราชอาณาจักร ยังคงหลงเหลืออยู่ โดยยังเห็นได้จากวัดต่างๆ ในจังหวัด ภูมิประเทศของจังหวัดบิ่ญดิ่ญมีความหลากหลายและน่าสนใจ โดยมีทั้งพื้นที่ราบสูง ป่า พื้นที่ลุ่ม ทะเลสาบ และชายหาดอยู่ภายในจังหวัดเดียว ปัจจุบันมีสนามบิน Phu Cat เปิดให้บริการ โดยสามารถเดินทางมาได้จากทั้งฮานอย และ โฮจิมินห์ นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเพียง 21 นาทีในการเดินทางจาก สนามบินมายัง Vinh Hoi Bay ทั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้นี้ สนามบินจะมีการเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน


กรุงโฮจิมินห์
          ปัจจุบันนี้เมืองหลวงของประเทศเวียดนามคือ "ฮานอย" ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ ส่วน "กรุงโฮจิมินห์" หรือไซ่ง่อนเดิม ก็เป็นเมืองท่าอยู่ทางตอนใต้ และเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจในปัจจุบัน ย้อนไปกรุงไซ่ง่อนในสมัยที่ฝรังเศสปกครองอยู่นั้น ได้มีการพัฒนาอย่างมาก ทั้งในด้านคมนาคม สาธารณสุข การศึกษา รวมถึงการวางผังเมืองอย่างดี นับว่าถ้าเทียบกับประเทศข้างเคียง แม้กระทั่งไทยเองในสมัยนั้นก็ไม่ได้มีความทันสมัยเทียบได้กับ "กรุงไซ่ง่อน"  แต่หลังจากที่เวียดนามรวมประเทศได้ และปกครองในระบอบสังคมนิยม   ความเป็นอยู่ของคนเวียดนามก็ยังพบกับความลำบาก การพัฒนาประเทศชะงักลง บ้านเมืองมีสภาพทรุดโทรมลงในทางกลับกัน ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะไทย ก็ได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในที่สุดปี ค.ศ.1986 (พ.ศ.2529) เวียดนามจึงประกาศนโยบายปฏิรูป "โด่ยเหม่ย (Doi Moi)" โดยเริ่มปฏิรูปตลาดเสรี ผ่อนปรนอนุญาตให้ประชาชนประกอบธุรกิจของตัวเองได้ แต่ยังควบคุมกิจการของรัฐไว้ หลังจากนั้นการพัฒนาประเทศก็เกิดขึ้นเป็นลำดับและนี่คือบางส่วนใน "กรุงโฮจิมนิห์"


เมืองเว้
          เป็นเมืองเอกของจังหวัดถัวเทียน-เว้ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี พ.ศ. 2345-2488 มีชื่อเสียงจากโบราณสถานที่มีอยู่ทั่วเมือง จำนวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 340,000 คน สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเว้ส่วนใหญ่จะเป็นป้อมปราการ พระราชวังหลวง และสุสานจักรพรรดิหมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2536 เว้เป็นเมืองที่เงียบสงบและน่าค้นหา มีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเกิดที่เมืองนี้ หรือได้เคยมาเยือนเมืองนี้ ปัจจุบันเว้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม


โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ
          ประเพณีพื้นเมือง หุ่นกระบอกน้ำ เป็นการแสดงหุ่นกระบอกของเวียดนาม มีการแสดงเฉพาะที่ฮานอย ในโรงละครริมทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม บนถนนดิงห์เตียมฮว่าง หุ่นกระบอกน้ำ ใช้ผู้เชิดอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ที่มีการพรางไว้ ตัวหุ่นเชิดจะอยู่ที่ปลายไม้ที่ยาวพอที่จะยื่นออกมานอกฉากที่ผู้เชิดบังคับ มีกลไกบังคับมือหรืออวัยวะของหุ่นที่ทำจากไม้ฉำฉาที่เบาและพยุงน้ำหนักเมื่ออยู่ในน้ำ และการเชิดต้องไม่ให้เห็นไม้บังคับหุ่น จึงทำให้ดูเหมือนหุ่นมีลีลาของตนเอง ในประเทศไทยมีการนำมาแสดงบางส่วนที่พัทยา


หาดเกาได๋ (Cao Dai Beach)
            ชาวเวียดนามเรียกว่า หาดจีน เป็นหาดที่สวยงาม ทอดยาวมาจากเมืองดานัง มีบรรยากาศที่เงียบสงบ น้ำทะเลใส หาดทรายละเอียด นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อน


ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม หรือ ทะเลสาบคืนดาบ (Ho Hoan Kiem )
          อยู่ใจกลางเมืองเก่าฮานอย มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าครั้งอดีตพระเจ้าเลไทโต (Le Thai To) ได้นำดาบวิเศษซึ่งนำมาต่อสู้กับพวกหมิงจนสามารถปลดปล่อยประเทศให้อิสระแล้ว พระองค์ทรงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวกันว่าเต่าได้ขึ้นมาฉกดาบไปจักพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วหายไปในทะเลสาบ อันเป็นเหตุให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่าทะเลสาบคืนดาบหากมองไปกลางทะเลสาบจะ เห็นเจดีย์โบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า ทาพรัว(Thap Rua)ซึ่งหมายถึงหอคอยเต่าและในปัจจุบันยังมีหลายคนบอกว่าเห็นเต่าขนาดใหญ่ อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูกาล



วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประเทศกัมพูชา






มาชมสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชากันนะคะ


ศิลปะขอมโบราณ บายน นครวัด

ศิลปะแบบนครวัด (พ.ศ.1650-1718) ศิลปะนครวัด ส่วนใหญ่จะเป็นรูปภาพของการเล่าเรื่องราว แต่จะไม่มีลวดลายของพรรณไม้ บริเวณตรงกลางภาพจะมีขนาดเล็กและมีรูปสัตว์ใหญ่ๆได้แก่ หงส์ นาค ใช้แทนที่ลายหน้ากาล ได้แก่ ปราสาทบึงมาลา ปราสาทนครวัด ปราสาทเจ้าสายเทวดา ปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทพนมจิสอ ประเทศไทยพบเห็นศิลปะแบบนี้ได้ที่ ปราสาทปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ปราสาทศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ และปราสาทหินพิมาน จังหวัดนครราชสีมา
ศิลปะแบบบายน (พ.ศ.1720-1780) ศิลปะแบบนี้มีลักษณะที่พิเศษ ได้แก่ มีภาพจำหลักที่ส่วนมากจะเป็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ภาพของชีวิตทั่วๆไป ได้แก่ ปราสาทนาคพัน ปราสาทตาพรหม ปราสาทบันทายกุฎี ปราสาทบายน ปราสาทฉมาร์ ปราสาทพระขรรค์ ปราสาทตาสม และปราสาทตาเนี๊ยะ ประเทศไทยพบเห็นศิลปะแบบนี้ได้ที่ ปราสาทตาเหมือน จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทโคกปราสาท จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี ปราสาทปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี กำแพงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดราชบุรี พระปรางค์วัดกำแพงแลง จังหวัดเพชรบุรี พระปรางค์วัดพระพายหลวง จังหวัด



สีหนุวิลล์ เมืองท่าตากอากาศและท่าเรือน้ำลึกแห่งเดียวของกัมพูชา

สีหนุวิลล์ (Sihanoukville) เป็นจังหวัดเล็กๆทางตอนใต้ของประเทศกัมพูชา และยังเป็นอีกเมืองท่าที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชา โดยแต่เดิมเมืองท่าแห่งนี้รู้จักกันในนาม "เมืองกัมปงโสม" ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งเดียวของประเทศ และยังเป็นถึงเมืองพักตากอากาศชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของประเทศกัมพูชาอีกด้วยค่ะ
สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวเมืองท่าสีหนุวิลล์ คงอยากจะทราบว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แน่นอนว่าคุณอาจเริ่มต้นที่ หาดOccheuteal และ หาดSerendipity และหาดอื่นๆอีกมามายหลายหาด ซึ่งคุณจะสนุกสนานไปกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางบกอย่างการเดินชมหาด และกิจกรรมทางน้ำ อาทิเช่น การดำน้ำ, ตกปลา, พายเรือคายัค และล่องเรือ




หาด Ream National Park

ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีเกสท์เฮาส์ กระท่อม หรือบ้านพักต่างๆก็มีไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวมากมาย
นอกจากการเที่ยวชมเมืองท่าแล้ว ไกลออกไปประมาณ 18 กิโลเมตร คุณยังสามารถมาเที่ยว อุทยานแห่งชาติ Ream National Park ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกับซาฟารี ที่ที่คุณจะได้พบกับความน่ารักของบรรดาสัตว์ป่า กวางมูส, ตัวนิ่ม และปลาโลมาพันธุ์หายากอย่าง ปลาโลมาเผือก ซึ่งจะมีให้เห็นเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม กุมภาพันธ์เท่านั้น




พนมเปญประเทศกัมพูชา

กัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันออกของประเทศไทย ที่มีพรมแดนติดกันประมาณ 890 กิโลเมตร และมีการสื่อสาร กันด้วย ภาษา เขมร ฝรั่งเศส อังกฤษ มีระบบการปกครองเป็นรัฐบาล ประชาธิปไตย ในระบบพระมหากษัตริย์ สำหรับสภาพอากาศก็ เช่นเดียวกับประเทศไทยสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนชาวกัมพูชานั้นนับถือศาสนาพุทธ จึงมีวัดวาอารามตั้งอยู่ทั่วประเทศ เช่นเดียวกับประเทศไทย แต่ยังอยู่ในช่วงการทำนุบำรุง หลังจากถูกทำลายไปในช่วงที่เขมรแดงปกครอง ในแง่มุมของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ประเทศกัมพูชาได้รับความช่วยเหลือจากสหประชาชาติ ประเทตะวันตก และประเทศอื่น ๆ หลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว 2 ครั้ง   กัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านติดกับไทย มีประวัติศาสตร์ อารยธรรมอันยาวนาน นครวัด และนครธม นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่อัศจรรย์ชิ้นหนึ่งในเอเชีย ศิลปวัฒนธรรมที่งดงามของประเทศกัมพูชา มีความคล้ายคลึงกันมากกับศิลปวัฒนธรรมไทย ภาษาเขมรมาจากรากศัพท์สันสกฤต จึงมีคำหลายคำในภาษาเขมรที่คุ้นหูคนไทย นอกจากนี้อิทธิพลทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสยังคงมีให้เห็นในเมืองหลวงและต่างจังหวัดของประเทศอีกด้วย



โตนเลสาบ ทะเลสาบเขมร

ประเทศกัมพูชามีทะเลสาบน้ำจืดซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขงขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียชื่อว่าโตนเลสาป” (Tonle Sap) มีแม่น้ำโขงไหลผ่านยาว 500 กิโลเมตร จากนั้นไหลเข้าสู่เวียดนามลงสู่ทะเลจีนใต้ นับว่าเป็นแม่น้ำนานาชาติ และเชื่อกันว่าปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกว่ายทวนน้ำจากโตนเลสาบขึ้นสู่ประเทศไทย-ลาว ก่อนไปผสมพันธุ์ที่จีนซึ่งเป็นต้นแม่น้ำโขง



ปราสาทบันทายสรี

ปราสาทบันทายสรี เป็นเทวสถานขนาดเล็ก แต่มีความงามทางด้านลวดลายเป็นเลิศ ศิลปะมีลักษณะพิเศษจนต้องจัดเป็นศิลปะสมัยหนึ่งโดยเฉพาะ ศิลปะแบบบันทายสรีถูกจัดให้อยู่ในยุคราว พ.ศ. 1510-1550 ก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพู เนื้อละเอียด การสลักลวดลายดูอ่อนช้อย ลายคมชัด ดูมีชีวิตชีวา



ปราสาทบาปวน นครธม

ปราสาทบาปวน จัดเป็นปราสาทแรกในกลุ่มปราสาทเมืองพระนคร มีทางเดินผ่านตัวปราสาทเป็นสะพานหินยกระดับทอดยาว ทางเดินเข้าผ่านโคปุระรูปกากบาท 3 ทาง ตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ที่ตั้งของปราสาทอยู่ในเขตพระราชวังหลวง เป็นปราสาทที่มียอดสูง มีหลักฐานจากการบันทึกของจิวต้ากวนราชทูตจากเมืองจีนในปลายพุทธศตวรรษที่ 18 กล่าวไว้ว่า ยอดปราสาทบาปวนเคลือบด้วยสำริดแลอร่ามแต่ไกล หากยอดไม่หักพังเสียก่อน คาดว่าปราสาทบาปวนอาจมีความสูงกว่าปราสาทพิมานอากาศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ปัจจุบันนี้ปราสาททรุดโทรมมากและกำลังได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่อง


วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประเทศพม่า








ประเทศพม่าเพื่อนบ้านของไทยเรามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนไม่ใช่น้อยเลยที่เดียวเราลองมาดูกันดีกว่าว่าประเทศพม่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอะไรบ้าง



พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง

เป็นมหาเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศพม่าอายุเก่าแก่กว่าสองพันห้าร้อยปี เพื่อเสริมบารมีในสถานที่ที่เปรียบเสมือนได้กับจิตวิญญาณของชาวย่างกุ้ง และชาวพม่าสถานที่แห่งนี้มี ลานอธิฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ รอบพระเจดีย์มีประดิษฐกรรมที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์




พระเจดีย์สุเล

พระเจดีย์สุเล ศาสนสถานหลักใจกลางกรุงร่างกุ้งมานานหลายร้อยปี อังกฤษถือเอาที่นี่เป็นศูนย์กลางของเมืองเมื่อตัดสินใจสร้างเครือข่ายถนนขึ้นกลางศตวรรษที่ 19สุเหล่เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมตั้งแต่องค์ระฆังขึ้นไปจนถึงชั้นบาตรคว่ำ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่สุเลนัต หนึ่งในสี่นัตที่เกี่ยวข้องกับตำนานของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง




พระเจดีย์โบตะตอง

พระเจดีย์โบตะตอง ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่นำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากอง เมื่อพระเกศาธาตุได้ถูกอัญเชิญขึ้นจากเรือ ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์โบตะตองแห่งนี้ก่อน พระเจดีย์แห่งนี้ได้ถูก ทำลายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ โดยมีความแตกต่างกับ พระเจดีย์ทั่วไปคือ ออกแบบให้ใต้ฐานพระเจดีย์มีโครงสร้างโปร่งให้คนเดินเข้าไปภายในได้ โดยอัญเชิญพระบรมธาตุไว้ในผอบทองคำให้ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนผนังใต้ฐานเจดีย์ได้นำทองคำและของมีค่าต่างๆ ที่มีพุทธศาสนิกชนชาวพม่านำมาถวายแก่องค์พระเจดีย์ มาจัดแสดงไว้





พระพุทธไสยาสน์เชาตาจี

พระพุทธไสยาสน์เชาตาจีแห่งเมืองย่างกุ้ง พระพุทธรูปองค์นี้ มีลักษณะพิเศษคือ ที่บริเวณพระบาทมีภาพวาดรูปสรรพสิ่ง อันล้วนเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วย ลายลักษณธรรมจักร ข้างละองค์ ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาท และล้อมด้วย รูปอัฏฐุตรสตกตมงคล 108ประการ





พระเจดีย์โบ่ตะต่าวน์

พระเจดีย์ทรงระฆังสูง40 เมตร สร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่จะนำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากอง มีความแตกต่างจากเจดีย์ทั่วไปคือ ออกแบบให้ใต้ฐานพระเจดีย์มีโครงสร้างโปร่ง ให้คนเดินเข้าไปภายในได้ โดยได้อัญเชิญพระบรมธาตุไว้ในผอบทองคำให้ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้มองเห็นได้ชัดเจน




พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เป็นที่ประดิษฐานพระแท่นสีหนาทบัลลังก์ทองของกษัตย์มินดงแห่งกรุงมัณฑะเลย์ มีความสูง8เมตร สร้างขึ้นจากไม้แกะสลักและลงรักปิดทองสวยงาม มีเครื่องศาตราวุธ พระแสงดาบ และเครื่องทองอื่น ๆ มากมาย รวมทั้งโบราณวัตถุและศิลปวัตถุยุคต้น ๆ จากเมืองปิตาโน ศรีเกษตร และปะกั่น

 


พิพิธภัณฑ์อัญมณี

พิพิธภัณฑ์อัญมณี ตั้งอยู่บนชั้นที่ 3 ของอาคารมีการจัดแสดงอัญมณีมีค่ามากมาย ทั้งไพลินสีน้ำเงิน ไข่มุก ทับทิมสีเลือดนก และหยกหลากสีหลายขนาด นอกจากนี้ยังมีการจัดประมูลอัญมณีขึ้นปีละ2 ครั้งในเดือนมีนาคมและตุลาคม ส่วนชั้นที่หนึ่งและสองเป็นศูนย์รวมร้านอัญมณี


 

วัดชเวนันดอ

วัดชเวนันดอ(Shwenandaw)ซึ่งสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ลวดลายแกะสลักวิจิตร อ่อนช้อยทั้งหลังคา บานประตู และหน้าต่างอันเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติ และทศชาติของพระพุทธเจ้าซึ่งความงดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ ๆ ภายในวัดมีพระพุทธรูปอันวิจิตรงดงามศิลปะพม่า


  

วัดถ้ำจันสิทธา

วัดถ้ำจันสิทธา (Kyanzittha Umin )ซึ่งมีลักษณะอาคารเตี้ยก่อด้วยอิฐอยู่ใต้ดิน ครึ่งหนึ่งบนพื้นดินครึ่งหนึ่ง พบกับภาพเขียนโบราณซึ่งวาดขึ้นในระหว่างพุทธ ศตวรรษที่ 16-19ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าจันสิทธา



อ้างอิง: http://www.somsiritours.com/?ContentID=ContentID-100623105024867



ประเทศมาเลเซีย





มาเลเซียแหล่งรวมของวัฒนธรรมอันหลากหลาย ทั้งมาเลย์ จีน อินเดีย และ ไทย รวมทั้งอีกหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งผสมผสานเข้ากัน อย่างลงตัวคุณ จะได้สัมผัสกับความตื่นตาตื่นใจ เพลิดเพลินไปกับทุกแง่มุมและทุกรสชาติของความ เป็นเอเชีย ณ ที่นี่ที่เดียว คุณจะได้สัมผัสกับไออุ่นของชนชาติมาเลเซียต้องที่นี่มาเลเซีย ประเทศมาเลเซีย หรือ เรียกชื่อทางการว่า สหพันธ์รัฐมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ประเทศส่วนหนึ่งอยู่บนแหลมมาลายู และ พื้นที่อีกส่วนหนึ่งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย มีพรมแดนประเทศตอดกับประเทศอินโดนีเซียและทางทะเลติดกับทะเลจีนใต้ทางตอนใต้ ของเวียดนาม ทางทิศเหนือจดกับประเทศไทยสถานที่ท่องเที่ยวมาเลเซียมีดังนี้



ตึกเปโตรนาส (Petronas Twin Tower)
เป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงถึง 452 เมตร มีชั้นทั้งหมด 88 ชั้น โดยทางการใช้งบประมาณการก่อสร้างทั้งหมด 20,000 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของตึกนี้เป็นเจ้าของผู้ผลิตน้ำมันยี่ห้อเปโตรนาส ชื่อเดียวกับตึกนั่นเอง การออกแบบตึกได้รับแรงบันดาลใจจากลักษณะของเสาหินทั้ง 5ของอิสลาม นอกจากความสวยงามและความสูงของตึก ที่ทำให้คนทั่วโลกต้องตะลึงแล้ว ภายในตึกยังเป็นแหล่งรวมความรู้ ศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี บันเทิงและแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่อีกด้วย






จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square)
บริเวณจัตุรัสแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของเสาธงที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นธงชาติประจำชาติมาเลเซีย ที่ได้รับการชักขึ้นสู่ยอดเสา ความสูงของยอดโดมมีขนาดเท่ากับ 40 เมตร และหอนาฬิกาที่ตั้งตระหง่านอวดความสวยงามของตัวตึกและในเวลากลางคืน จะมีการติดไฟระยิบระยับเต็มไปหมด ยิ่งเพิ่มความสวยงามให้กับอาคารแห่งนี้





กัวลาลัมเปอร์ ทาวเวอร์ (Menara Kuala Lumpur)
ตั้งอยู่บนยอดเขาบูกิตนานาส เป็นหอคอยที่มีความสูงเป็นอันดับ 4ของโลก รองจากที่แคนาดา รัสเซีย และจีน มีความสูงถึง 421 เมตร โดยใช้เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์ และใช้ระบบสื่อสารไฮเทคต่างๆ ด้านหน้าทางเข้าจะเป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่มีต้นไม้ใหญ่อายุ100 ปี มีชื่อว่า ต้นเจลลิตง





ปุตราจายา(Putrajaya)
อยู่ห่างจากตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 50 นาที ห่างจากสนามบินนานาชาติไปไม่ไกลนัก บนพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาลครอบคลุมพื้นที่เข้าทั้งลูก ถูกสร้างขึ้นให้เป็นเมืองใหม่ เป็นที่อยู่ของหน่วยราชการ ทุกกกระทรวง ทบวง กรม รวมทั้งรัฐสภา และบ้านของนายกฯ โดยรอบปุตราจายาจะเป็นพื้นที่บ้านจัดสรรที่สวยงามและคอนโดมีเนียมที่เป็นตึกสูง





เกนติ้ง ไฮแลนด์ (Genting Highlands)
เมืองที่ได้รับสมญานามว่า "เมืองแห่งความบันเทิง" นับเป็นเมืองที่เหมาะกับทุกครอบครัว และทุกงบประมาณการท่องเที่ยว ยอดเขาเกนติ้ง ไฮแลนด์ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 6,000ฟุต จึงมีอากาศเย็นสบาย บรรยากาศสดชื่น พร้อมทิวทัศน์ของเทือกเขาเขียวขจี ที่สวยงามราวกับภาพวาด




อนุสาวรีย์แห่งชาติ (National Monument)
ซึ่งจัดว่าเป็นอนุสาวรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นการสร้างแบบลอยตัว โดยการหลอมรูปปั้นด้วยบรอนซ์ จากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่กว่าคนจริงหลายเท่า ที่มาของอนุสาวรีย์ มาจากในช่วงสมัยหนึ่งเกิดกลุ่มจีนคอมมิวนิสต์กระจัดกระจายทั่วประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องใช้เวลานานถึง 15 ปี ในการปราบโจรและเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้กล้าหาญ





พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ

ดูโออ่าอลังการด้วยสถาปัตยกรรมแบบมาเลย์ดั้งเดิมหรือสถาปัตยกรรมแบบมีนังกะเบาอันมีเอกลักษณ์ ด้านนอกอาคารจำลองแบบพระราชวังมาเลย์โบราณมาให้ชม พร้อมการจัดแสดงเกี่ยวกับยานพาหนะตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเกวียน รถลาก รถสามล้อ มาจนถึงรถยนต์ยี่ห้อโปรตอนที่ชาวมาเลย์ผลิตใช้เองในประเทศ ส่วยภายในเป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมาเลเซีย การแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ หัตถกรรม เงินตรา อาวุธ ฯลฯ ซึ่งถือเป็นการเปิดโลกมาเลเซียในฉบับย่อและกะทัดรัดได้ดี





อาคารสุลต่านอับดุลซามัค (Sultan Abdul Samad Building) และ หอนาฬิกา สูง 40 เมตร
อาคารเก่าแถบ Merdeka Square สถาปัตยกรรม แบบ มัวร์ (Moorish)ส่วนที่เป็นหอนาฬิกาสูง40 เมตร ที่เรียกกันว่า เป็นบิ๊กเบนของมาเลเซีย ด้านบนเป็นโดมใหญ่สีทองขนาดใหญ่ และขนาบข้างด้วยอาคารยอดโดมสีทองเช่นกัน อาคารนี้ สร้างเมื่อเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ เพื่อใช้เป็นศูนย์บริหาร อาณานิคมของอังกฤษ ปัจจุบันใช้อาคารที่ทำการของรัฐบาล





ที่มา http://www.indochinaexplorer.com/malaysia.php?viewmode=important