ประเทศเวียดนามมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้างนะ
ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม(Ho Hoan Kiem หรือ ทะเลสาบคืนดาบ)
ที่ตั้ง : ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่าฮานอย ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าครั้งอดีตพระเจ้าเลไทโต (Le Thai Yo) ได้นำดาบวิเศษซึ่งนำมาต่อสู้กับพวกหมิงจนสามารถปลดปล่อยประเทศให้อิสระแล้ว พระองค์ทรงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวกันว่าเต่าได้ขึ้นมาฉกดาบไปจักพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วหายไปในทะเลสาบ อันเป็นเหตุให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่า ทะเลสาบคืนดาบ
หากมองไปกลางทะเลสาบจะเห็นเจดีย์โบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า ทาพรัว (Thap Rua) ซึ่งหมายถึง หอคอยเต่าและในปัจจุบันยังมีหลายคนบอกว่าเห็นเต่าขนาดใหญ่อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูกาล
ที่ตั้ง : ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่าฮานอย ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าครั้งอดีตพระเจ้าเลไทโต (Le Thai Yo) ได้นำดาบวิเศษซึ่งนำมาต่อสู้กับพวกหมิงจนสามารถปลดปล่อยประเทศให้อิสระแล้ว พระองค์ทรงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวกันว่าเต่าได้ขึ้นมาฉกดาบไปจักพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วหายไปในทะเลสาบ อันเป็นเหตุให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่า ทะเลสาบคืนดาบ
หากมองไปกลางทะเลสาบจะเห็นเจดีย์โบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า ทาพรัว (Thap Rua) ซึ่งหมายถึง หอคอยเต่าและในปัจจุบันยังมีหลายคนบอกว่าเห็นเต่าขนาดใหญ่อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูกาล
วัดหง็อกเซิน ( Ngoc Son หรือ วัดเนินหยก)
ที่ตั้ง : อยู่ริมทะเลสาบบนเกาะหยก ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ สามารถข้ามจากฝั่งไปยังวัดโดยข้ามสะพานเทฮุก (The Huc) หรือสะพานแสงอาทิตย์ มีสีแดงสดใสถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกรุงฮานอย นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันเสอมเมื่อถึงวัดหว็อกเซิน ด้านในมีบรรยากาศร่มรื่นและมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน
เมืองซาปา
ประเทศเวียดนาม
ซาปา เมืองบนเทือกกเขาใน จ. ลาวไก ภาคเหนือประเทศเวียดนาม
ใกล้กลับพรมแดนประเทศจีน
ซาปาได้เป็นปลายทางยอดนิยมของเหล่าของนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานานหลายปี ด้วยเป็นสถานที่เดิมไปด้วยชนกลุ่มน้อยที่แต่งกายด้วยเสื้อยืดหลากหลายสีสันทิวทัศน์อันสวยงามของหุบเขา
การทำนาแบบขั้นบันไดทำให้มีภูมิทัศน์สวยงามแก่การท่องเที่ยว
เดิมซาปาเป็นเมืองตากอากาศของเจ้านายชั้นสูงชาวฝรั่งเศส ที่มาทำงานในเวียดนาม
จึงมีสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนและการวางแผนผังเมืองแบบเฟรนซ์โคโลเนียลมีจุดเด่นที่ตั้งอยู่กลางเมืองคือ
โบสถ์คาทอลิก
อ่าวฮาลอง
เนื่องจากประเทศเวียดนามมีลักษณะภูมิประเทศเป็นแบบคาบสมุทร
ซึ่งมีระยะทางจากภาคเหนือจรดภาคใต้ที่ยาวมาก
และมีระดับความสูงต่ำของพื้นที่ที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ เวียดนาม
มีสภาพอากาศที่หลากหลาย โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยราว 22 องศาเซลเซียส
ลักษณะภูมิอากาศของประเทศ อาจแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้
ทะเลสาบเมืองดานัง
Vinh Hoi Bay Resort ตั้งอยู่ในจังหวัดบิ่ญดิ่ญ
ซึ่งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตอนกลางของเวียดนาม ระหว่าง ดานัง และ นาตรัง ในศตวรรษที่
11 จังหวัดนี้อยู่ในการปกครองของราชอาณาจักรจัมปา
ซึ่งวัฒนธรรมของราชอาณาจักร ยังคงหลงเหลืออยู่ โดยยังเห็นได้จากวัดต่างๆ ในจังหวัด
ภูมิประเทศของจังหวัดบิ่ญดิ่ญมีความหลากหลายและน่าสนใจ โดยมีทั้งพื้นที่ราบสูง ป่า
พื้นที่ลุ่ม ทะเลสาบ และชายหาดอยู่ภายในจังหวัดเดียว ปัจจุบันมีสนามบิน Phu
Cat เปิดให้บริการ โดยสามารถเดินทางมาได้จากทั้งฮานอย และ โฮจิมินห์
นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเพียง 21 นาทีในการเดินทางจาก
สนามบินมายัง Vinh Hoi Bay ทั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้นี้
สนามบินจะมีการเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน
กรุงโฮจิมินห์
ปัจจุบันนี้เมืองหลวงของประเทศเวียดนามคือ
"ฮานอย" ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ ส่วน "กรุงโฮจิมินห์" หรือไซ่ง่อนเดิม ก็เป็นเมืองท่าอยู่ทางตอนใต้
และเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจในปัจจุบัน ย้อนไปกรุงไซ่ง่อนในสมัยที่ฝรังเศสปกครองอยู่นั้น
ได้มีการพัฒนาอย่างมาก ทั้งในด้านคมนาคม สาธารณสุข การศึกษา
รวมถึงการวางผังเมืองอย่างดี นับว่าถ้าเทียบกับประเทศข้างเคียง แม้กระทั่งไทยเองในสมัยนั้นก็ไม่ได้มีความทันสมัยเทียบได้กับ
"กรุงไซ่ง่อน" แต่หลังจากที่เวียดนามรวมประเทศได้ และปกครองในระบอบสังคมนิยม ความเป็นอยู่ของคนเวียดนามก็ยังพบกับความลำบาก
การพัฒนาประเทศชะงักลง บ้านเมืองมีสภาพทรุดโทรมลงในทางกลับกัน ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะไทย
ก็ได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในที่สุดปี ค.ศ.1986 (พ.ศ.2529) เวียดนามจึงประกาศนโยบายปฏิรูป "โด่ยเหม่ย
(Doi Moi)" โดยเริ่มปฏิรูปตลาดเสรี ผ่อนปรนอนุญาตให้ประชาชนประกอบธุรกิจของตัวเองได้
แต่ยังควบคุมกิจการของรัฐไว้ หลังจากนั้นการพัฒนาประเทศก็เกิดขึ้นเป็นลำดับและนี่คือบางส่วนใน
"กรุงโฮจิมนิห์" เมืองเว้
เป็นเมืองเอกของจังหวัดถัวเทียน-เว้
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี
พ.ศ. 2345-2488
มีชื่อเสียงจากโบราณสถานที่มีอยู่ทั่วเมือง
จำนวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 340,000 คน สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเว้ส่วนใหญ่จะเป็นป้อมปราการ
พระราชวังหลวง
และสุสานจักรพรรดิหมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี
พ.ศ. 2536 เว้เป็นเมืองที่เงียบสงบและน่าค้นหา
มีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเกิดที่เมืองนี้ หรือได้เคยมาเยือนเมืองนี้
ปัจจุบันเว้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ
ประเพณีพื้นเมือง หุ่นกระบอกน้ำ
เป็นการแสดงหุ่นกระบอกของเวียดนาม มีการแสดงเฉพาะที่ฮานอย
ในโรงละครริมทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม บนถนนดิงห์เตียมฮว่าง หุ่นกระบอกน้ำ
ใช้ผู้เชิดอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ที่มีการพรางไว้
ตัวหุ่นเชิดจะอยู่ที่ปลายไม้ที่ยาวพอที่จะยื่นออกมานอกฉากที่ผู้เชิดบังคับ
มีกลไกบังคับมือหรืออวัยวะของหุ่นที่ทำจากไม้ฉำฉาที่เบาและพยุงน้ำหนักเมื่ออยู่ในน้ำ
และการเชิดต้องไม่ให้เห็นไม้บังคับหุ่น จึงทำให้ดูเหมือนหุ่นมีลีลาของตนเอง
ในประเทศไทยมีการนำมาแสดงบางส่วนที่พัทยา
หาดเกาได๋ (Cao Dai Beach)
ชาวเวียดนามเรียกว่า
หาดจีน เป็นหาดที่สวยงาม ทอดยาวมาจากเมืองดานัง มีบรรยากาศที่เงียบสงบ น้ำทะเลใส
หาดทรายละเอียด นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อน
ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม
หรือ ทะเลสาบคืนดาบ (Ho Hoan Kiem )
อยู่ใจกลางเมืองเก่าฮานอย
มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าครั้งอดีตพระเจ้าเลไทโต (Le Thai To) ได้นำดาบวิเศษซึ่งนำมาต่อสู้กับพวกหมิงจนสามารถปลดปล่อยประเทศให้อิสระแล้ว
พระองค์ทรงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์
และกล่าวกันว่าเต่าได้ขึ้นมาฉกดาบไปจักพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วหายไปในทะเลสาบ
อันเป็นเหตุให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่าทะเลสาบคืนดาบหากมองไปกลางทะเลสาบจะ
เห็นเจดีย์โบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า
ทาพรัว(Thap Rua)ซึ่งหมายถึงหอคอยเต่าและในปัจจุบันยังมีหลายคนบอกว่าเห็นเต่าขนาดใหญ่
อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูกาล